การขึ้นทะเบียนรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เพื่อรับเบี้ยยังชีพในปีงบประมาณ 2568
เริ่มรับลงทะเบียนตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2566 และ เดือนมกราคม - ธันวาคม 2567
► คุณสมบัติของผู้มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
- มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ในปีงบประมาณ พ.ศ.2568 คือ ต้องเกิดก่อนวันที่ 2 ก.ย. 2508 (สำหรับผู้ที่ทราบแค่ปีเกิด แต่ไม่ทราบวันเกิด/เดือนเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 ม.ค. ของปีนั้น ๆ) และได้ยืนยันสิทธิ์ขอรับเงิน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- มีสัญชาติไทย
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลชุมภูพร
- เป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด
► หลักฐานในการขึ้นทะเบียนดังนี้
1. บัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรอื่นที่ออกให้โดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายพร้อมสำเนา จำนวน 1 ฉบับ
2. ทะเบียนบ้านพร้อมสำเนา จำนวน 1 ฉบับ
3. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารพร้อมสำเนา (เฉพาะหน้าที่แสดงชื่อ และเลขที่บัญชี)
► ผู้อื่นยื่นเอกสารแทนผู้สูงอายุได้หรือไม่ ?
ในกรณีผู้สูงอายุที่ไม่สามารถมาลงทะเบียนด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นผู้ยื่นคำขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ โดยให้ผู้รับมอบอำนาจติดต่อที่องค์การบริหารส่วนตำบลชุมภูพร โดยต้องมีหนังสือมอบอำนาจตัวตริงพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ อย่างละ 1 ฉบับ
► ผู้สูงอายุแต่ละคนจะได้รับเงินเบี้ยยังชีพเท่าไหร่ ?
ปัจจุบันได้จ่ายแบบขึ้นบันได ดังนี้
อายุ 60 - 69 ปี จะได้รับ 600 บาท
อายุ 70 - 79 ปี จะได้รับ 700 บาท
อายุ 80 - 89 ปี จะได้รับ 800 บาท
อายุ 90 ปีขึ้นไป จะได้รับ 1,000 บาท
***ในกรณีผู้สูงอายุที่ย้ายภูมิลำเนา***
ผู้สูงอายุที่มีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ได้ย้ายทะเบียนบ้านจากเทศบาล หรือ อบต. ที่เคยจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดิม ยังจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจนกว่าจะสิ้นปีงบประมาณนั้น คือเดือนกันยายน
หากมีความประสงค์จะรับเบี้ยยังชีพต่อไป ต้องไปจดทะเบียนเพื่อขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่องค์การบริหารส่วนตำบลชุมภูพรโดยเร็ว หลังจากย้ายทะเบียนบ้านมายังตำบลชุมภูพร เพื่อเริ่มรับเงินที่แห่งใหม่ในเดือนตุลาคมของปีถัดไป หากไม่ดำเนินการ ผู้สูงอายุจะเสียสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
|